หลายปีก่อนเคยมีโอกาสไปคุยงานกับน้องเหมียวเรื่องแบรนด์และเว็บไซต์
ตอนนั้นผมเองคิดงานแบบเอเจนซี่เกินไป นึกถืงแต่คำโปรยสวยๆ แพ็กเกจเท่ๆ ยังไม่ตรงกับที่น้องเหมียวหาอยู่ – แต่ข้อดีก็คือ ทำให้ได้รู้จักกับชาสุวิรุฬห์ รู้จักการดื่มชาและวิถีออร์แกนิก ที่คำนึงถึงสมดุลของธรรมชาติอย่างยิ่ง
น้องเหมียวพาเดินดูไร่ชาแล้วกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ใช้วิธีทำที่ดักแมลงที่มารบกวนต้นชา แต่กลายเป็นว่า มันไปกระทบวงจรชีวิตของสัตว์ในละแวกนั้น หลังจากนั้นเลยหาวิธีปลูกพืขบางชนิตเพื่อไล่แมลงแทน แล้วหาคนหรือวัวมาถอนวัชพืช แทนการใช้เทคโนโลยีที่ไปกระทบกับการเติบโตของต้นชา
หรือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ที่อยู่ในบทความนี้
“ป๊าสอนให้เราดูแลต้นชาเหมือนคน” ลูกสาวเอ่ยถึงปรัชญาของพ่อ
“ถ้าคนไม่ชอบอยู่พื้นที่แออัดเกินไป ต้นไม้ก็คล้ายกัน ป๊าบอกด้วยว่าเขาดื่มชาทุกวัน ลูกเมียก็ดื่ม ลูกค้าที่มีก็กลายเป็นเพื่อน แล้วเราจะเสิร์ฟสิ่งที่เต็มไปด้วยสารเคมีให้เขาดื่มได้จริงหรอ เราเลือกได้ว่าจะให้สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดกับเขา”
หรือแม้แต่การไม่ได้มองว่าใครเป็นคู่แข่ง ซึ่งตรงจริตผมยิ่งนัก
“ป๊ายินดีสอนคนอื่น ไม่คิดเล็กคิดน้อย เพราะเป้าหมายเขาต่าง ไม่ใช่แค่เพื่อสุวิรุฬห์ แต่อยากให้คนทั้งประเทศรู้จักชาเชียงราย”
“ตอนนี้เราก็ไม่ได้มองว่าใครเป็นคู่แข่ง เพราะคนยังดื่มชาน้อย ถ้าเทียบกับกาแฟ ตลาดยังกว้างมาก ยิ่งมีคนเข้ามาขาย มาลงทุน ยิ่งมีเพื่อนร่วมการค้าที่เติบโตไปด้วยกัน เพราะถ้าไม่มีใครโตเลย มันอาจแปลว่าไม่มีตลาดและเราต่อสู้อยู่คนเดียว”
สำนวนจีนมีคำกล่าวว่า หากชาไม่ย้ายต้น ย่อมเติบโตงอกงาม เพราะต้นชานั้นอายุยืนหลายชั่วคน ซึ่งสำนวนนี้ มักจะเปรียบเทียบกับความรัก ที่หากมั่นคงแล้ว ทุกอย่างก็ย่อมเติบโตงอกงาม
แต่ผมอ่านบทความนี้แล้วก็นึกถึงการทำงานของน้องเหมียว เพราะทั้งชีวิตไม่เคยเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นเลย นอกจากการทำชา
แม้เชียงรายจะมีไร่ชามากมายผุดขึ้นมาให้ถ่ายรูปสวยๆ น้องเหมียวก็ยังทำไร่ชาที่ผลิตชาที่ดีที่สุด มากกว่ารับนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูป
เวลาเดินในไร่ของสุวิรุฬห์ จะได้รับพลังหรือปราณจากต้นชา ซึ่งแตกต่างจากที่อื่นๆ โดยสิ้นเชิง
อ่านบทความจากเว็บ The Cloud ได้ที่ https://readthecloud.co/suwirun-tea/
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น