ลูกค้าที่ดี

คุณจิรเบล Jiradet Ophatphanwong ไปสัมภาษณ์ใครก็ล้วนน่าอ่าน

บทความนี้ไปสัมภาษณ์คุณอั๋น ผู้กำกับโฆษณาแห่ง FACTORY01 ก็อ่านเพลินอย่างยิ่ง เหมาะทั้งต่อลูกค้าและต่อคนทำงาน

ผมรู้สึกว่าลูกค้าที่ดีคือคนที่เขารู้หน้าที่เขา แล้วเขารู้ว่าเขาใช้ใครอยู่ ผมว่าอันนี้สำคัญมาก (เน้นเสียง) ซึ่งหลายครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการทำโฆษณาตอนนี้มันเหมือนกับว่าคุณไปร้านโอมากาเสะแล้วคุณไปสั่งให้เขาทำข้าวกะเพราหมูไข่เจียวเหยาะน้ำปลาสองหยด คุณจ่ายราคาโอมากาเสะแต่คุณไปสั่งเขาเหมือนร้านข้าวตามสั่ง

เราแค่ต้องทำหน้าที่ของเราให้ฟังก์ชั่นที่สุด เพียงแต่ว่าถ้าเขาเอาแพลนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับหนังแล้วมาทำให้หนังไม่ฟังก์ชั่น เราต้อง defend ผมถือว่าลูกค้าจ่ายเงินเรามารวมค่า defend ไปแล้ว คืออั๋นมึงต้องเหนื่อย เพราะว่าลูกค้าไม่รู้ เขาจ่ายเงินใช้เรา มึงมีหน้าที่ทำให้เขารู้ ซึ่งเรื่องนี้พูดมันง่ายแต่ทำมันยากมาก

คุณกำลังใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นที่เขามีในสิ่งที่คุณไม่มีมาทำงานชิ้นนี้ให้ อย่างตอนที่ผมทำบ้าน ผมก็คิดอย่างนี้จริงๆ นะ ผม interrupt อินทีเรียร์ผมน้อยมาก แล้วผลออกมาบ้านผมก็สวย คอนโดผมก็สวย ถ้าผมไปยุ่งมากมันจะไม่สวยเท่านี้ เขามีแกรมมาร์ของเขาว่ากำแพงนี้มันต้องห่างกันเท่าไหร่ ถ้าผมไปยุ่งมันจะเละ

สิ่งนึงที่ลูกค้าทำได้ก็คือคุณสื่อสารกับคนทำว่า ตอนนี้คุณรู้สึกไม่คอมฟอร์ตแล้วนะ คุณรู้สึกว่ามันอาจจะผิด แล้วผู้กำกับคุณมีความคิดเห็นยังไง เอเจนซีคุณมีความคิดเห็นยังไง คือลูกค้าที่เก่งเขาจะพูดว่าไม่ต้องเปลี่ยนตามที่ฉันพูดนะ เขาจะบอกแค่ว่าตอนนี้ฉันรู้สึกแบบนี้ มันผิดปกติไหม หรือฉันคิดไปเอง หรือไม่ควรจะกังวลเรื่องนี้แล้ว พอลูกค้าพูดประโยคเหล่านี้ผมรู้เลยว่าคนนี้เก่ง เขารู้วิธีทำงานกับคน

ข้อแรกคืออธิบาย ข้อถัดมาคือเราต้องมีโชว์รีลที่ดี และข้อสุดท้าย เราต้องไม่รับงานที่ไม่เหมาะกับเราด้วย คือตรงนี้เป็นสิ่งที่ยากที่สุดของคนทำงาน เพราะเงินมันกองอยู่ตรงหน้า คุณจะปฏิเสธเงิน 4 ล้านไหม แต่ผมทำเป็นปกติมาก คือสมมติจ็อบนี้ 8 ล้าน อีกจ็อบนึง 2 ล้าน บ่อยครั้งมากผมเลือก 2 ล้าน เพราะรู้ว่าลูกค้าคนนี้เราทำด้วยแล้วเราไม่เจ็บปวด

ส่วนตัวผมเชื่อว่าถ้าเราอธิบายลูกค้าด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ เราหวังดีกับเขาจริงๆ มันต้องเข้าบ้างแหละวะ คือถ้าไม่เข้าเลย สมมติเราพูดสักสิบแล้วไม่เข้าเลยหรือเข้าแค่หนึ่ง ก็แสดงว่าเราทำบุญกันมาแค่นี้ นี่คือจ็อบสุดท้ายระหว่างเรา

“เขาแค่พูดว่า ‘โอเค อันนี้ดีแล้ว ไปต่อ’ มันประหยัดเวลาชีวิตของคน 20 คน แล้วได้งานที่ดีที่สุด จ่ายเงินน้อยที่สุด แล้วคือเขาไม่ได้จับกล้องนะ เขาไม่ได้เลือกเสื้อผ้านะ แต่เขาเมเนจให้เกิดงานที่ดีที่สุด โดยที่เขาไม่ต้องเลือกอะไรเลย เขาเลือกอย่างเดียว คือเลือกใครมาทำ ซึ่งมันเมคเซนส์มากๆ เขามีเรื่องอีกพันเรื่องที่ต้องตัดสินใจ ทำไมต้องมานั่งเลือกเมคอัพตัวแสดง

“ผมถึงบอกเสมอว่าลูกค้าเขากำกับเรา … ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ นะ งานมันจะดีได้ อยู่ที่คน approve มันไม่ได้อยู่ที่คนทำอย่างเดียว”

วุฒิศักดิ์ อนรรฆพร

อ่านบทความเต็มที่ https://capitalread.co/good-client-factory01/


facebook status