อากู๋ในความทรงจำ

อากู๋ของผม (คุณลุง พี่ชายของแม่) เข้าโรงพยาบาลเมื่อเดือนก่อน ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งที่ตับอ่อน เพิ่งเสียไปเมื่อช่วงกลางเดือนพ.ค. นี้ ผมเลยไปงานศพตลอดสัปดาห์ จนกระทั่งเผาและลอยอังคาร

ผมเองไม่ได้สนิทกับอากู๋มากนัก อาจจะนับว่าเป็นหลานที่นอกคอกด้วย เพราะไม่ค่อยได้ทำตามแนวทางที่อากู๋วางไว้เหมือนหลานคนอื่นๆ แต่กระนั้นบารมีของอากู๋ก็ใหญ่หลวงยิ่ง คำสอนในแต่ละช่วงชีวิตที่ได้รับ แม้ไม่อาจเข้าใจในวันนั้น วันนี้ก็กลับชัดเจนในหลายๆ เรื่อง

เลยคิดว่าบันทึกไว้ดีกว่า มันน่าจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆ เช่นกัน

ชีวิตในแต่ละวัยของคนเรา ควรเป็นอย่างไร?

“อากู๋จะเล่าความลับของชีวิตให้ฟัง ..”“ความลับของชีวิตก็คือ … เธอมีเวลาสำหรับสร้างฐานะแค่เพียงอายุ 30-40 เท่านั้นก่อนหน้านั้นคือการค้นหาว่าจะทำอะไร หลังจากนั้นคือการเก็บเกี่ยวในสิ่งที่เธอทำ”

อายุ 0 – 20 ปีคือการเรียนรู้โลก หาสิ่งที่รักให้เจอ อ่านหนังสือให้มาก พบเจอคนให้หลากหลาย เข้าไปอยู่ในสังคมที่ทำให้เราได้เจริญขึ้น

อายุ 20 – 30 ปีคือการพัฒนาตัวเองให้เชี่ยวชาญ อย่าเปลี่ยนงานเพียงเพราะได้เงินเดือนเพิ่ม คนเราอยากเก่งเรื่องไหน ให้ทำไปสิบปี – ซึ่งในชีวิต ก็คือช่วงหลังเรียนจบนี้

อายุ 30 – 40 ปีคือการสร้างฐานะของชีวิต เพราะชีวิตจะมีพลังสูงสุดก็แค่ช่วงนี้

อายุ 40 – 50 ปีคือการสร้างคนรุ่นต่อไป เพราะ เราจะไม่เก่ง ไม่ว่องไวเหมือนเดิมอีกแล้ว

อายุ 50 – 60 ปีคือการวางแผนเกษียณและปล่อยงานให้กับทีมงานที่ไว้ใจได้

หลัง 60 ปีต้องมีสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ต่อเนื่องให้กับชีวิตที่เหลือ รวมถึงลูกหลานและญาติพี่น้อง

แน่นอนว่าอากู๋ทำได้สำเร็จ เป็นเสาหลักที่พึ่งพาของทั้งครอบครัวและเพื่อนฝูง มีทีมงานที่แข็งแกร่งและจงรัก ขนาดที่ว่าในบางช่วงที่อากู๋ประสบปัญหาเศรษฐกิจ ลูกน้องอากู๋เอาโฉนดบ้านตัวเองมาให้ในทันที … ซึ่งแน่นอนว่าอากู๋ไม่รับ และยอมสูญเสียหลายๆ อย่างแทน

ชีวิตไม่ใช่แค่แสวงหาความสุขหรือความสำเร็จ แต่คือการทำหน้าที่

ข้อนี้เป็นข้อที่อากู๋ตำหนิผมบ่อย พอมองย้อนกลับไป ก็ทำให้เข้าใจหลายๆ เรื่อง

อากู๋ทำงานส่งแม่ผมเรียนหนังสือสูงๆ เพื่อจะได้เจอสังคมที่ดีกว่าแพริมน้ำเลี้ยงหมูในวัยเด็ก อากู๋จับแม่แต่งงานกับพ่อที่เรียนหนังสือเก่ง เพื่อจะได้ยีนที่ดี มีความเฉลียวฉลาด ผมเองมีต้นทุนชีวิตที่ดีกว่าใครหลายคน แต่กลับใช้ชีวิตสุขสบาย หาเงินแค่พอตัวเองรอด ไม่ยอมไปทำงานที่ตัวเองไม่เห็นด้วย แลกกับความมั่งคั่งและเป็นที่พึ่งให้คนอื่นได้

  • เกรดเป็นยังไงบ้าง? / 4.0 ครับ … แต่พอเริ่มวัยรุ่น ผมก็ไม่ตั้งใจเรียน และไม่ได้เกียรตินิยมอย่างที่อากู๋หวัง
  • ทำงานอะไรอยู่? / เพิ่งเปลี่ยนโมเดลธุรกิจครับ / เฮ้ย เปลี่ยนใหม่ ก็ต้องเริ่มใหม่อีก จะเก่งเรื่องไหน ก็ควรทำแต่เรื่องนั้นให้ชำนาญ
  • กิจการเป็นยังไงบ้าง? / เรื่อยๆ ครับ / เฮ้ย ถ้าพูดว่าเรื่อยๆ เธอควรจะมีเงินสดในมือซักสิบล้านนะ อย่าดูถูกธุรกิจเกินไป
  • โปรเจ็คราชการนี้เป็นยังไงบ้าง? / งานนี้มีใต้โต๊ะ คอรัปชั่น ผมไม่รับครับ / เฮ้ย มันไม่มีหรอกคำว่าคอรัปชั่น มันมีแต่คำว่าคอมมิสชั่น โครงสร้างของระบบมันเป็นแบบนี้ เงินเดือนเค้ากี่บาทกัน ถ้าไม่มีส่วนอื่นเพิ่มให้เค้า เค้าก็อยู่ไม่ได้ งานก็เดินไม่ได้
  • ตอนนี้อยู่ที่ไหน? / ผมย้ายไปอยู่ปายครับ / เฮ้ย คนอื่นเค้าดิ้นรนเข้ามาในเมือง หาความเจริญ เธอไปอยู่นั่น จะสร้างงาน สร้างเงิน ได้อย่างไร?

เพราะอากู๋ต้องรับช่วงกิจการที่บ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้ทำอะไรได้ตามฝันเหมือนคนอื่นๆ เวลาญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงมีปัญหา ทุกคนก็มาขอความช่วยเหลือจากอากู๋ เมื่อคนในครอบครัวป่วยหนักหรือเดือดร้อน อากู๋สามารถถอนเงินหลายล้าน หลายสิบล้านมาใช้ได้ทันที

ในขณะที่วิถีชีวิตที่สุขสบายแบบผม หากเจอปัญหาแบบอากู๋ ผมจะไม่สามารถช่วยใครได้เลย

หยางสุดท้าย

แต่หลังจากโดนตำหนิในทุกๆ ครั้งที่เจอหน้า ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เจออากู๋ที่โรงพยาบาล อากู๋กลับยิ้มแย้มและพูดขอบอกขอบใจ ที่ผมส่งส้มและกระเทียมจากปายไปให้

ระหว่างนวดขาให้อากู๋ อากู๋ก็คุยเรื่องเก่าๆ และบอกว่าเคยขับรถไปปายและแม่ฮ่องสอนเมื่อหลายสิบปีก่อน หากอากู๋หายดีคราวนี้ จะไปพักฟื้นกับผมที่ปาย ให้ผมหาที่ซักแปลงปลูกผักกาด อากู๋อยากกินผักกาดจอ อยากปลูกต้นไม้ นอนดูดาว และสูดอากาศบริสุทธิ์

ไม่กี่วันหลังจากนั้น อากู๋ก็เสียชีวิต

แพทย์แผนจีนที่ผมนับถือ ได้กล่าวว่า หยางสุดท้าย (พลังในวาระสุดท้าย) ดีเช่นนี้ ไม่ต้องกังวล

อากู๋ย่อมไปสู่สุขคติ